เทพฮาเดส
เป็นโอรสของเทพโครนัส (Cronus) และ เทพีรีอา (Rhea) เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันกับ
เทพโพไซดอน (Poseidon) เทพีเฮสเทีย (Hestia) เทพีดิมีเตอร์ (Demeter)เทพีฮีรา (Hera) และ มหาเทพซุส (Zeus)เมื่อมหาเทพซุส
โค่นเทพโครนัสบิดาของตนลงจากบัลลังก์แล้วเทพซุสได้แต่งตั้งเทพโพไซดอน
ปกครองมหาสมุทร แม่น้ำทั้งปวง และให้เทพฮาเดสปกครองดินแดนยมโลก หรือ นรก
เทพฮาเดสเป็นผู้ปกครองนรกซึ่งมีแต่ความมืดมิดและน่ากลัว
จึงไม่ได้ขึ้นไปบนเขาโอลิมปัสบ่อยนัก อีกทั้งเทพองค์อื่น ๆ
ก็ไม่ชอบที่จะต้อนรับฮาเดสด้วย ดังนั้นฮาเดสจึงไม่มีชื่อเป็นหนึ่ง ในเทพโอลิมปัส
เฉกเช่นองค์อื่น ๆฮาเดส หรือ เฮดีส (Hades) ชาวโรมันเรียกว่า พลูโต (Pluto) เทพเจ้าผู้ปกครองนรก และโลกหลังความตาย
ในตำนานถือได้ว่าเป็นเจ้าแห่งทรัพย์ เพราะเทพฮาเดสมีสิทธิ์ในทรัพย์สินทุกอย่างภายใต้พื้นพิภพ
จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดีส (Dis) ซึ่งแปลตรงตัวว่า
ทรัพย์สิน นอก จากนี้ ฮาเดส
ยังได้ชื่อว่าเป็นเทพที่มีความเที่ยงธรรมอย่างมาก ตัดสินความดี ความชั่ว ของคนตาย
โดยปราศจากอคติใด ๆ ทั้งสิ้น กล่าวกันว่า
พระองค์มีหมวกวิเศษอยู่ใบหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้สวมหายตัวได้
และพระองค์มีเทพผู้ช่วยในการตัดสินความดี ความชั่ว ในยมโลกอีก 3 องค์คือ ราดาแมนทีส ไมนอส ไออาคอส
โดยมีชื่อเรียกว่า สามเทพสุภา และยังมี ฮิปนอส เทพแห่งการหลับไหล และ ทานาทอส
เทพแห่งความตายคอยให้ความช่วยเหลืออยู่อีกด้วย
ตำนานรักเทพฮาเดส
เทพเฮดิส โอรสองค์ที่ 4 ของเทพไททันโครนัส เป็นพี่ชายของโพไซดอนและซุส หลังจากช่วยซุสให้ชนะศึกไททันแล้ว ฏ้ได้รับอำนาจให้ปกครองยมโลกและใต้พิภพ เทพเฮดิสเคยเป็นเทพโอลิมเปี้ยนส์ แต่ออกมาใช้ชีวิตอยู่ในวังที่ยมโลก ทำหน้าที่ตัดสินคนตายให้ไปสวรรค์(ทุ่งอีซิเลียน)หรือนรก พระราชวังในยมโลกของเทพเฮดิสอยู่ในที่โล่งกว้าง ปกคลุมด้วยหมอกหนาวเย็นและมีลมพัดแรงตลอดเวลา เทพเฮดิสนอกจากเป็นยมบาลแล้วยังเป็นเทพแห่งทรัพย์ด้วย เนื่องจากใต้ดินคืออาณาเขตของเทพเฮดิส และทรัพย์สินต่าง ๆ ถูกฝังอยู่ใต้ดิน ชาวกรีกจึงมักนิยมบูชาเทพเฮดิสก่อนลงมือทำเหมือง เนื่องจากมีหน้าที่ต้องตัดสินคนตายด้วยความยุติธรรมไม่เข้าข้างผู้ใด เทพเฮดิสจึงมีหน้าตาถมึงทึง เย็นชา เป็นที่เกรงกลัวของทุกคน เป็นเหตุให้จีบสาวไม่เป็น และก็ไม่มีใครอยากอยู่ร่วมบัลลังก์ที่มืดมิดและน่ากลัวด้วย แต่แล้ววันหนึ่งอสูรร้ายเอนเซลาดัสที่ถูกฝังอยูใต้ภูเขาเอตนาเกิดดิ้นรนทำให้เกิดแผ่นดินสะเทือนไปจนถึงยมโลก เทพเฮดิสจึงขับราชรถเทียมม้าสีดำขึ้นมาตรวจดู พอดีกับเทพีอโฟรไดทีเห็นท่านลุงเป็นโสดมานานจึงมีบัญชาให้กามเทพอีรอสแผลงศรรักไปปักอกเทพเฮดิส ซึ่งจะทำให้เทพเฮดิสหลงรักหญิงคนแรกที่พบเห็นทันที ซึ่งหญิงคนนั้นคือเทพีเพอร์เซโฟเน่ เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิ ลูกสาวของเทพีดิมิเตอร์ เทพีแห่งการเกษตร พี่สาวของเทพเฮดิสนั่นเอง พอเทพเฮดิสเห็นนางเข้าก็เกิดหลงรักจึงพานางขึ้นราชรถทันที เพอร์เซโฟเน่ส่งเสียงเรียกให้เพื่อนช่วยแต่ไม่มีใครช่วยเธอได้ เทพเฮดิสพานางไปจนถึงแม่น้ำไซเอนี (Cyane) ซึ่งแม่น้ำก็เอ่อท่วมขึ้นมาขัดขวาง เทพเฮดิสรู้สึกกริ้วจึงซัดคทากระแทกจนพื้นแยกแล้วตรงดิ่งสู่ยมโลก
ฝ่ายเพอร์เซโฟเน่ถอดสายรัดองค์ฝากนางอัปสรในแม่น้ำให้บอกเทพีดีมิเตอร์ด้วย พอถึงยมโลกเทพเฮดิสก็จัดแจงอภิเษกกับเทพีเพอร์เซโฟเน่ ฝ่ายเทพีดีมิเตอร์ได้ยินเสียงลูกก็ออกตามหาแต่ไม่พบ เทพีดีมิเตอร์ไม่มีเวลาดูแลพืชธุ์ เหล่าพืชก็พากันเหี่ยวเฉา ระหว่างการตามหา เทพีดีมิเตอร์ก็จำแลงกายเป็นหญิงชราเพื่อไม่ให้ใครรู้จัก วันหนึ่งหญิงชราจำแลงได้มานั่งร้องไห้อยู่ที่เมืองอีลูสิส ธิดาของเจ้าเทืองสงสารจึงชวนยายแก่เข้าวังมาช่วยเลี้ยงดูน้องชาย ทริปโทลีมัส ทารกน้อย พอยายแก่ลูบคลำทารกนั้นก็เปล่งปลั่งน่าอัศจรรย์ตกกลางคืน ยายแก่ก็คิดจะช่วยชุบทารกน้อยให้เป็นอมตะ จึงทำพิธีเอาน้ำเกสรดอกไม้ชโลมทารกและวางลงบนถ่านไฟ ฝ่ายพระมารดาของทารกมาเห็นก็รีบไปอุ้มลูกออกมา เทพีดีมิเตอร์จึงคืนร่าง เล่าเหตุการณ์ให้ฟังและจากไป วันหนึ่งเทพีดีมิเตอร์เดินทางมาถึงแม่น้ำไซเอนี นางอัปสรประจำแม่น้ำจึงมอบสายรัดองค์ให้ ส่วนนางอัปสรประจำน้ำพุอาเรธูซาก็ขับลำนำให้ฟังว่า
ข้าพวยพุ่งผ่านพื้นปฐพี
ซอกแซกวารีผ่านโลกันต์
บนบัลลังก์หินอ่อนดำสนิท
แนบชิดเทพเฮดิสคือใครนั่น
ก็เอกองค์มเหสีเทพโลกันต์
เพอร์เซโฟเน่จากสวรรค์นั่นเอง
เมื่อรู้ดังนั้นเทพีดีมิเตอร์จึงไปร้องต่อซุส มหาเทพให้เทพเฮอร์มีสลงไปเจรจา แต่นางเพอร์เซโฟเน่เสวยทับทิมไปแล้วซึ่งจะต้องอยู่ในยมโลกเท่านั้น ในที่สุดก็ตกลงกันว่าเพอร์เซโฟเน่จะผลัดกันอยู่ยมโลกกับโอลิมปัสปีละ 6 เดือน เนื่องจากเทพีเพอร์เซโฟเน่เป็นเทพีฤดูใบไม้ผลิ เมื่อกลับมาอยู่โอลิมปัสก็กลายเป็นฤดูใบไม้ผลิ เทพีดีมิเตอร์ดีใจก็บันดาลให้พืชพันธุ์ออกดอก พอนางกลับพืชพันธุ์ก็เหี่ยวเฉา เกิดเป็นฤดูกาลต่าง ๆ นั่นเอง เมื่อเทียบกับน้อง ๆ คือ โพไซดอนและซุส เทพเฮดิสถือว่าซื่อสัตย์มาก เพราะเคยนอกใจชายาแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ครั้งหนึ่งเทพเฮดิสเคยหลงเสน่ห์นางอัปสร มินธี (Minthe) เทพีดีมิเตอร์ผู้เป็นทั้งพี่สาวและแม่ยายโกรธจึงไล่กระทืบนางอัปสร เทพเฮดิสสงสารจึงเปลี่ยนร่างนางอัปสรให้เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมและกลายเป็นดอกไม้ประจำพระองค์ตลอดมา
อีกครั้งคือนางพรายน้ำเลอซี (Leuce) ธิดาของเทพไททันโอเชียนัส แต่นางบุญน้อยป่วยตายเสียก่อน หลังจากนางตายก็กลายเป็นต้นพ็อพล่าร์ขาว เป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในการทำพิธีลึกลับ ณ เมืองเอเลอซี
Credit : หนังสือ ตำนานเทพกรีก
ภาพจาก Dulceta on Deviant Art
Admin : Popiiyozee เรียบเรียง
เทพเฮดิส โอรสองค์ที่ 4 ของเทพไททันโครนัส เป็นพี่ชายของโพไซดอนและซุส หลังจากช่วยซุสให้ชนะศึกไททันแล้ว ฏ้ได้รับอำนาจให้ปกครองยมโลกและใต้พิภพ เทพเฮดิสเคยเป็นเทพโอลิมเปี้ยนส์ แต่ออกมาใช้ชีวิตอยู่ในวังที่ยมโลก ทำหน้าที่ตัดสินคนตายให้ไปสวรรค์(ทุ่งอีซิเลียน)หรือนรก พระราชวังในยมโลกของเทพเฮดิสอยู่ในที่โล่งกว้าง ปกคลุมด้วยหมอกหนาวเย็นและมีลมพัดแรงตลอดเวลา เทพเฮดิสนอกจากเป็นยมบาลแล้วยังเป็นเทพแห่งทรัพย์ด้วย เนื่องจากใต้ดินคืออาณาเขตของเทพเฮดิส และทรัพย์สินต่าง ๆ ถูกฝังอยู่ใต้ดิน ชาวกรีกจึงมักนิยมบูชาเทพเฮดิสก่อนลงมือทำเหมือง เนื่องจากมีหน้าที่ต้องตัดสินคนตายด้วยความยุติธรรมไม่เข้าข้างผู้ใด เทพเฮดิสจึงมีหน้าตาถมึงทึง เย็นชา เป็นที่เกรงกลัวของทุกคน เป็นเหตุให้จีบสาวไม่เป็น และก็ไม่มีใครอยากอยู่ร่วมบัลลังก์ที่มืดมิดและน่ากลัวด้วย แต่แล้ววันหนึ่งอสูรร้ายเอนเซลาดัสที่ถูกฝังอยูใต้ภูเขาเอตนาเกิดดิ้นรนทำให้เกิดแผ่นดินสะเทือนไปจนถึงยมโลก เทพเฮดิสจึงขับราชรถเทียมม้าสีดำขึ้นมาตรวจดู พอดีกับเทพีอโฟรไดทีเห็นท่านลุงเป็นโสดมานานจึงมีบัญชาให้กามเทพอีรอสแผลงศรรักไปปักอกเทพเฮดิส ซึ่งจะทำให้เทพเฮดิสหลงรักหญิงคนแรกที่พบเห็นทันที ซึ่งหญิงคนนั้นคือเทพีเพอร์เซโฟเน่ เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิ ลูกสาวของเทพีดิมิเตอร์ เทพีแห่งการเกษตร พี่สาวของเทพเฮดิสนั่นเอง พอเทพเฮดิสเห็นนางเข้าก็เกิดหลงรักจึงพานางขึ้นราชรถทันที เพอร์เซโฟเน่ส่งเสียงเรียกให้เพื่อนช่วยแต่ไม่มีใครช่วยเธอได้ เทพเฮดิสพานางไปจนถึงแม่น้ำไซเอนี (Cyane) ซึ่งแม่น้ำก็เอ่อท่วมขึ้นมาขัดขวาง เทพเฮดิสรู้สึกกริ้วจึงซัดคทากระแทกจนพื้นแยกแล้วตรงดิ่งสู่ยมโลก
ฝ่ายเพอร์เซโฟเน่ถอดสายรัดองค์ฝากนางอัปสรในแม่น้ำให้บอกเทพีดีมิเตอร์ด้วย พอถึงยมโลกเทพเฮดิสก็จัดแจงอภิเษกกับเทพีเพอร์เซโฟเน่ ฝ่ายเทพีดีมิเตอร์ได้ยินเสียงลูกก็ออกตามหาแต่ไม่พบ เทพีดีมิเตอร์ไม่มีเวลาดูแลพืชธุ์ เหล่าพืชก็พากันเหี่ยวเฉา ระหว่างการตามหา เทพีดีมิเตอร์ก็จำแลงกายเป็นหญิงชราเพื่อไม่ให้ใครรู้จัก วันหนึ่งหญิงชราจำแลงได้มานั่งร้องไห้อยู่ที่เมืองอีลูสิส ธิดาของเจ้าเทืองสงสารจึงชวนยายแก่เข้าวังมาช่วยเลี้ยงดูน้องชาย ทริปโทลีมัส ทารกน้อย พอยายแก่ลูบคลำทารกนั้นก็เปล่งปลั่งน่าอัศจรรย์ตกกลางคืน ยายแก่ก็คิดจะช่วยชุบทารกน้อยให้เป็นอมตะ จึงทำพิธีเอาน้ำเกสรดอกไม้ชโลมทารกและวางลงบนถ่านไฟ ฝ่ายพระมารดาของทารกมาเห็นก็รีบไปอุ้มลูกออกมา เทพีดีมิเตอร์จึงคืนร่าง เล่าเหตุการณ์ให้ฟังและจากไป วันหนึ่งเทพีดีมิเตอร์เดินทางมาถึงแม่น้ำไซเอนี นางอัปสรประจำแม่น้ำจึงมอบสายรัดองค์ให้ ส่วนนางอัปสรประจำน้ำพุอาเรธูซาก็ขับลำนำให้ฟังว่า
ข้าพวยพุ่งผ่านพื้นปฐพี
ซอกแซกวารีผ่านโลกันต์
บนบัลลังก์หินอ่อนดำสนิท
แนบชิดเทพเฮดิสคือใครนั่น
ก็เอกองค์มเหสีเทพโลกันต์
เพอร์เซโฟเน่จากสวรรค์นั่นเอง
เมื่อรู้ดังนั้นเทพีดีมิเตอร์จึงไปร้องต่อซุส มหาเทพให้เทพเฮอร์มีสลงไปเจรจา แต่นางเพอร์เซโฟเน่เสวยทับทิมไปแล้วซึ่งจะต้องอยู่ในยมโลกเท่านั้น ในที่สุดก็ตกลงกันว่าเพอร์เซโฟเน่จะผลัดกันอยู่ยมโลกกับโอลิมปัสปีละ 6 เดือน เนื่องจากเทพีเพอร์เซโฟเน่เป็นเทพีฤดูใบไม้ผลิ เมื่อกลับมาอยู่โอลิมปัสก็กลายเป็นฤดูใบไม้ผลิ เทพีดีมิเตอร์ดีใจก็บันดาลให้พืชพันธุ์ออกดอก พอนางกลับพืชพันธุ์ก็เหี่ยวเฉา เกิดเป็นฤดูกาลต่าง ๆ นั่นเอง เมื่อเทียบกับน้อง ๆ คือ โพไซดอนและซุส เทพเฮดิสถือว่าซื่อสัตย์มาก เพราะเคยนอกใจชายาแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ครั้งหนึ่งเทพเฮดิสเคยหลงเสน่ห์นางอัปสร มินธี (Minthe) เทพีดีมิเตอร์ผู้เป็นทั้งพี่สาวและแม่ยายโกรธจึงไล่กระทืบนางอัปสร เทพเฮดิสสงสารจึงเปลี่ยนร่างนางอัปสรให้เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมและกลายเป็นดอกไม้ประจำพระองค์ตลอดมา
อีกครั้งคือนางพรายน้ำเลอซี (Leuce) ธิดาของเทพไททันโอเชียนัส แต่นางบุญน้อยป่วยตายเสียก่อน หลังจากนางตายก็กลายเป็นต้นพ็อพล่าร์ขาว เป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในการทำพิธีลึกลับ ณ เมืองเอเลอซี
Credit : หนังสือ ตำนานเทพกรีก
ภาพจาก Dulceta on Deviant Art
Admin : Popiiyozee เรียบเรียง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น